วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ภูฎาน

การ ท่องเที่ยว ภูฏาน ทัวร์ ภูฏาน ประเทศ ภูฏาน
โปรดระวัง โดนหลอก บริษัททัวร์ต้มตุ๋น อ่านก่อนตัดสินใจท่องเที่ยวภูฏาน


ประเทศภูฏาน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
ราชอาณาจักรภูฏาน
Kingdom of Bhutan (อังกฤษ)
འབྲུག་ཡུལ་ (ซองคา)
   
ธงชาติ    
คำขวัญ: หนึ่งชาติ,หนึ่งประชาชน
เพลงชาติ: ดรุก เซนเดน
เมืองหลวง
(และเมืองใหญ่สุด)     ทิมพู
27°28′N 89°38′E / 27.467°N 89.633°E / 27.467; 89.633
ภาษาทางการ     ภาษาซองคาและภาษาอังกฤษ
การปกครอง     ประชาธิปไตย ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
 -      พระมหากษัตริย์     สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก
 -      นายกรัฐมนตรี     จิกมี ทินเลย์
การสร้างชาติ
 -      ราชวงศ์วังชุก     17 ธันวาคม พ.ศ. 2450
พื้นที่
 -      รวม     47,500 ตร.กม. (132)
18,340 ตร.ไมล์
 -      แหล่งน้ำ (%)     น้อยมาก
ประชากร
 -      2552 (ประมาณ)     672,425 (117)
 -      2550 (สำรวจ)     4,598,556
 -      ความหนาแน่น     45 คน/ตร.กม. (149)
117 คน/ตร.ไมล์
จีดีพี (อำนาจซื้อ)     2550 (ประมาณ)
 -      รวม     3.181 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐ[1] (152)
 -      ต่อหัว     3,330 ดอลลาร์สหรัฐ (124)
เอชดีไอ (2546)     0.536 (กลาง) (134)
สกุลเงิน     งุลตรัม (BTN)
เขตเวลา     BTT (UTC+6:00)
 -      (DST)     not observed (UTC+6:00)
โดเมนบนสุด     .bt
รหัสโทรศัพท์     975

ภูฏาน (Bhutan) (อ่านว่า พู-ตาน Loudspeaker.svg /buː'tɑːn/ (ข้อมูล)) [2] หรือชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรภูฏาน (Kingdom of Bhutan) [3] เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ที่มีขนาดเล็ก และมีภูเขาเป็นจำนวนมาก ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยระหว่างประเทศอินเดียกับจีน

ชื่อในภาษาท้องถิ่นของประเทศคือ Druk Yul (อ่านว่า ดรุก ยุล) แปลว่า "ดินแดนของมังกรสายฟ้า (Land of the Thunder Dragon) " นอกจากนี้ยังเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Druk Tsendhen เนื่องจากที่ภูฏาน เสียงสายฟ้าฟาดถือเป็นเสียงของมังกร ส่วนชื่อ ภูฏาน (Bhutan) มาจากคำสมาสในภาษาสันสกฤต ภู-อุฏฺฏาน อันมีความหมายว่า "แผ่นดินบนที่สูง" (ในภาษาฮินดี สะกด भूटान ถอดเป็นตัวอักษรคือ ภูฏาน)

ประเทศภูฏาน เป็นประเทศที่ประกาศว่า จะไม่สนใจ GDP (GDP - Gross Domestic Product หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) แต่จะสนใจ GDH แทน (GDH - Gross Domestic Happiness หรือ ความสุขรวมภายในประเทศ) [ต้องการอ้างอิง]
เนื้อหา
[ซ่อน]

    * 1 ประวัติศาสตร์
    * 2 การเมือง
    * 3 การแบ่งเขตการปกครอง
    * 4 สัญลักษณ์ประจำชาติ
    * 5 ภูมิศาสตร์
          o 5.1 ภูมิประเทศ
          o 5.2 ภูมิอากาศ
    * 6 เศรษฐกิจ
    * 7 ทรัพยากรธรรมชาติ
    * 8 ประชากร
    * 9 วัฒนธรรม
    * 10 ศาสนา
    * 11 อ้างอิง
    * 12 ดูเพิ่ม
    * 13 แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้] ประวัติศาสตร์

ในปี พ.ศ. 2173 ดรุกปา ลามะ ลี้ภัยจากทิเบตสู่ภูฏาน ต่อมาได้ตั้งตัวขึ้นเป็น ธรรมราชา ปกครองครองดินแดนด้วยระบบศาสนเทวราช มีคณะรัฐมนตรีช่วย 4 ตำแหน่ง แม้ภูฏานจะพยายามแยกตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ต่อมาก็ถูกรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะทิเบตอยู่หลายครั้งในช่วง พุทธศตวรรษที่ 22 ถึง 23 ในระยะต่อมาก็ยังถูกรุกรานโดยอังกฤษซึ่งมีอำนาจอยู่ในอินเดียก่อนที่จะได้ เจรจาสงบศึกกัน ในปี พ.ศ. 2453
[แก้] การเมือง

มีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุข ภายใต้การปกครองโดย สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 5 ของราชวงศ์วังชุก ทรงปกครองประเทศโดยมีคณะองคมนตรีเป็นที่ปรึกษา และสภาแห่งชาติที่เรียกว่า ซงดู (Tsongdu) ทำหน้าที่ในการออกกฎหมาย ประกอบด้วยสมาชิก 161 คน

    * สมาชิก 106 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน
    * สมาชิก 55 คน มาจากการแต่งตั้งของพระมหากษัตริย์

ในสมัยศตวรรษที่ 17 นักบวช ซับดุง นาวัง นำเยล (Zhabdrung Ngawang Namgyal) ได้รวบรวมภูฏานให้เป็นปึกแผ่นและก่อตั้งเป็นประเทศขึ้น และในปี 2194 นักบวชซับดุงได้ริเริ่มการบริหารประเทศแบบสองระบบ คือ แยกเป็นฝ่ายฆราวาสและฝ่ายสงฆ์ ภูฏานใช้ระบบการปกครองดังกล่าวมาเป็นเวลากว่าสองศตวรรษ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2450 พระคณะที่ปรึกษาแห่งรัฐ ผู้ปกครองจากมณฑลต่าง ๆ ตลอดจนตัวแทนประชาชนได้มารวมตัวกันที่เมืองพูนาคา และทำการเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ อูเก็น วังชุก (Ugyen Wangchuck) ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ปกครองเมืองตองซา (Trongsa) ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์แรกของภูฏาน โดยดำรงตำแหน่งเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีองค์แรกแห่งราชวงศ์วังชุก (Wangchuck) เนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่นของพระองค์ตั้งแต่ครั้งยังทรงดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ปกครองเมืองตองซา ทรงมีลักษณะความเป็นผู้นำและเป็นผู้นำที่เคร่งศาสนาและมีความตั้งพระทัยแน่ว แน่ที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ราชวงศ์วังชุกปกครองประเทศภูฏานมาจนถึงปัจจุบันสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ ปัจจุบันคือ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก (Jigme Khesar Namgyal Wangchuck) ขึ้นครองราชสมบัติเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2549 เป็นสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก

ภูฏานจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นครั้งแรกในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2551 มีพรรคการเมืองสองพรรค
[แก้] การแบ่งเขตการปกครอง

ประเทศภูฏานแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 เขตบริหาร (administrative zones - dzongdey) แต่ละเขตบริหารแบ่งย่อยลงไปอีกเป็น มณฑล (districts - dzongkhag) รวมทั้งหมด 20 มณฑล ได้แก่
แผนที่แสดงมณฑลของประเทศภูฏาน

   1. มณฑลบุมทัง (བུམ་ཐང་རྫོང་ཁག་ )
   2. มณฑลชูคา (ཆུ་ཁ་རྫོང་ཁག་ )
   3. มณฑลดากานา (དར་དཀར་ན་རྫོང་ཁག་)
   4. มณฑลกาซา (མགར་ས་རྫོང་ཁག་)
   5. มณฑลฮา ( ཧཱ་རྫོང་ཁག་)
   6. มณฑลลฮุนต์ชิ (ལྷུན་རྩེ་རྫོང་ཁག་)
   7. มณฑลมองการ์ (མོང་སྒར་རྫོང་ཁག་)
   8. มณฑลพาโร (སྤ་རོ་རྫོང་ཁག་)
   9. มณฑลเปมากัตเซล (པདྨ་དགའ་ཚལ་རྫོང་ཁག་ )
  10. มณฑลพูนาคา (སྤུ་ན་ཁ་རྫོང་ཁག་)

   

  11. มณฑลซัมดรุปจงคาร์ (བསམ་གྲུབ་ལྗོངས་མཁར་རྫོང་ཁག་ )
  12. มณฑลซัมชิ (བསམ་རྩེ་རྫོང་ཁག་)
  13. มณฑลซาร์ปัง (གསར་སྤང་རྫོང་ཁག་)
  14. มณฑลทิมพู (ཐིམ་ཕུ་རྫོང་ཁག་ )
  15. มณฑลตาชิกัง (བཀྲིས་སྒང་རྫོང་ཁག་)
  16. เขตตาชิยังต์ซี (གཡང་རྩེ་རྫོང་ཁག་)
  17. มณฑลตงซา (ཀྲོང་གསར་རྫོང་ཁག་ )
  18. มณฑลชิรัง (རྩི་རང་རྫོང་ཁག་ )
  19. มณฑลวังดีโพดรัง (པདྨ་དགའ་ཚལ་རྫོང་ཁག་ )
  20. มณฑลเชมกัง (གཞལམ་སྒང་རྫོང་ཁག་)

[แก้] สัญลักษณ์ประจำชาติ
วัดป่าทักชัง - Taktshang Goemba หรือ "รังเสือ - Tiger Nest" อันเป็นที่เคารพสักการะยิ่งของชาวพุทธในภูฏาน ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 900 เมตรชายเขตเมืองปาโร

    * สัตว์ประจำชาติ : ทาคิน เป็นสัตว์ที่หายาก เพราะมีอยู่ในดินแดนภูฏานเพียงแห่งเดียว และอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ มีลักษณะคล้ายวัวผสมแพะตัวใหญ่ มีเขา ขนตามตัวมีสีดำ มักจะอาศัยอยู่กันเป็นฝูงในป่าโปร่ง บนความสูงกว่า 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไป ชอบกินไม้ไผ่เป็นอาหาร
    * ต้นไม้ : ต้นสนไซปรัสนิยมปลูกตามวัด
    * ดอกไม้ประจำชาติ : ดอกป๊อปปี้สีฟ้า เป็นดอกไม้ป่าที่พบตามเขตภูเขาในภูฏาน
    * อาหารประจำชาติ : อาหารพื้นบ้านเป็นอาหารเรียบง่าย อาหารหลักเป็นทั้งข้าว บะหมี่ ข้าวโพด ยังนิยมเคี้ยวหมากอยู่ อาหารส่วนใหญ่ประกอบด้วยพริก ผักและมันหมู อาหารประจำชาติคือ emadate ซึ่งประกอบด้วยพริกสดกับซอสเนยต้มกับหัวไชเท้า มันหมูและหนังหมู ชาวภูฏานนิยมอาหารรสจัด เครื่องดื่มมักเป็นชาใส่นมหรือน้ำตาล ในฤดูหนาวนิยมดื่มเหล้าหมักที่ผสมข้าวและไข่ ไม่นิยมสูบบุหรี่ นอกจากนั้นมีอาหารจากทิเบต เข่นซาลาเปาไส้เนื้อ ชาใส่เนยและเกลือ และอาหารแบบเนปาลในภาคใต้ที่กินข้าวเป็นหลัก
    * ธงชาติภูฏาน
          o สีเหลือง ครึ่งบนของธงชาติ หมายถึง อำนาจของพระมหากษัตริย์ เป็นสีที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม
          o สีส้ม ครึ่งล่างของธงชาติ หมายถึง การปฏิบัติธรรมและความเลื่อมใสและศรัทธาของชาวภูฏานที่มีต่อศาสนาพุทธ
          o มังกรที่อยู่ตรงกลางของธงชาติ หมายถึง ประเทศดรุกยุล มีความหมายว่าดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า ตัวมังกรมีสีขาวบริสุทธิ์ อันเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีของคนทุกเชื้อชาติ ทุกภาษาที่อยู่ในประเทศ ท่าทีที่มังกรกำลังอ้าปากคำรามนั้น แสดงออกถึงความมีอำนาจน่าเกรงขามของเหล่าพระผู้เป็นเจ้าทั้งชายและหญิงที่ปก ป้องภูฏาน

[แก้] ภูมิศาสตร์
[แก้] ภูมิประเทศ
สภาพภูมิประเทศมีลักษณะเป็นเทือกเขา

ประเทศภูฏานเป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก มีพื้นที่ประมาณ 38,394 ตารางกิโลเมตร (ขนาดใกล้เคียงกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์) ตั้งอยู่เหนือรัฐอัสสัมของประเทศอินเดีย ภูฏานเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ปรากฏภูมิประเทศ 3 ลักษณะ

   1. เทือกเขาสูงตอนเหนือ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย
   2. ที่ลาดเชิงเขา พบตอนกลางของประเทศ
   3. ที่ราบ พบตอนใต้ของประเทศ มีแม่น้ำพรหมบุตรพาดผ่าน

[แก้] ภูมิอากาศ

เนื่องจากภูฏานเป็นประเทศขนาดเล็ก ลักษณะภูมิอากาศจึงไม่แตกต่างกันมากนัก โดยมากเป็นภูมิอากาศแบบกึ่งร้อนมีฝนชุก ยกเว้นตอนเหนือซึ่งเป็นภูเขาสูง ทำให้มีอากาศแบบหนาวเทือกเขา

อากาศ กลางวัน 25 - 15 องศาเซลเซียส กลางคืน 10 - 5 องศาเซลเซียส มี 4 ฤดู คือ

    * ฤดูใบไม้ผลิ จะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม ช่วงนี้อากาศจะอบอุ่นและอาจมีฝนประปราย
    * ฤดูร้อน จะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคม ช่วงนี้จะมีพายุฝน ตามเทือกเขาจะเขียวชอุ่ม
    * ฤดูใบไม้ร่วง จะอยู่ในช่วงเดือนกันยายน - พฤศจิกายน ช่วงนี้อากาศจะเย็น ท้องฟ้าแจ่มใส เหมาะแก่การเดินเขา
    * ฤดูหนาว จะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ อากาศจัดเย็นจัดตอนกลางคืนและรุ่งเช้า และจะมีหมอกหนา บางครั้งโดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคม อาจมีหิมะตกบ้าง

[แก้] เศรษฐกิจ

สกุลเงินของภูฏานคืองุลตรัมซึ่งผูกค่าเงินเป็นอัตราคงที่กับรูปีอินเดีย และเงินรูปียังสามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายอีกด้วย[4]

แม้ว่าภูฏานจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กที่สุดในโลก[4] แต่ก็มีอัตราการเติบโตที่สูงมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา (ร้อยละ 8 ในปี 2005 และร้อยละ 14 ในปี 2006) ในปี 2007 ภูฏานเป็นประเทศที่มีอัตราเติบโตสูงเป็นอันดับสองของโลกโดยมีอัตราการเติบโต ทางเศรษฐกิจสูงถึงร้อยละ 22.4[5] ซึ่งเป็นผลจากการเริ่มใช้เขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าทาลา[6][7]

รายได้หลักของประเทศ มากกว่าร้อยละ 33 ของจีดีพี มาจากการเกษตร และประชากรกว่าร้อยละ 70 มีวิถีชีวิตขึ้นอยู่กับผลิตผลทางการเกษตรด้วย สินค้าส่งออกสำคัญคือไฟฟ้าจากพลังงานน้ำ ซึ่งส่งออกไปยังอินเดีย
[แก้] ทรัพยากรธรรมชาติ

ในภูฏานมีพื้นที่ป่าถึง 60% มีอุทยานแห่งชาติ 4 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 4 แห่ง และเขตสงวนธรรมชาติ 1 แห่ง คิดเป็น 35% ของพื้นที่ประเทศ ในพื้นที่ดังกล่าวมีสัตว์และพืชหายากมากกว่า 7,000 ชนิด มีกล้วยไม้เฉพาะถิ่น 300 เขต และพันธุ์ไม้หายากอีกราว 500 ชนิด และมีสมุนไพรหายากราว 150 ชนิด
[แก้] ประชากร

    * จำนวนประชากร 752,700 คน (เมื่อปี พ.ศ. 2547) เป็นชาย 380,090 คน และหญิง 372,610 คน
    * อัตราการเพิ่มของประชากรร้อยละ 2.14 (เมื่อปี พ.ศ. 2546)
    * เชื้อชาติ ประกอบด้วย 3 เชื้อชาติ ได้แก่
          o ชาร์คอป (Sharchops) ชนพื้นเมืองดั้งเดิม ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคตะวันออก
          o งาลอบ (Ngalops) ชนเชื้อสายธิเบต ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคตะวันตก
          o โลซาม (Lhotshams) ชนเชื้อสายเนปาล ส่วนใหญ่อยู่ทางใต้

    * กลุ่มประชากรของภูฏาน แบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ คือ
          o กลุ่มดรุกปา ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
                + กลุ่มเชื้อสายธิเบต
                + กลุ่มซังลา ที่ถือว่ามีจำนวนมากที่สุด เนื่องจากจะแยกออกตามภาษาท้องถิ่นที่ใช้ที่มีประมาณ 11 ภาษา กลุ่มนี้จะอาศัยทางทิศตะวันออกของประเทศ
          o กลุ่ม เนปาล คือส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ แต่ปัจจุบันนี้ทางรัฐบาลของประเทศภูฏาน ได้พยายามผลักดันให้ประชากรเหล่านี้กลับไปยังถิ่นฐานเดิมคือประเทศเนปาล
          o กลุ่มชนอื่น ๆ อีก 13% คือชาวธิเบต ชาวสิกขิม และชาวอินเดีย

[แก้] วัฒนธรรม
การแข่งขันธนู เป็นการแข่งขันกีฬาที่สำคัญของชาวภูฏาน

    * ภาษาประจำชาติ คือภาษาซองคา ซึ่งแต่เดิมเป็นภาษาท้องถิ่นแถบตะวันตกของภูฏาน ต่อมาได้กลายเป็นภาษาประจำชาติ เขียนด้วยอักษรทิเบต นอกจากนั้นมีการใช้ภาษาถิ่นที่ต่างไปในแต่ละพื้นที่ ภาษาของชาวภูฏานคล้ายภาษาทิเบตชาวเนปาลทางภาคใต้พูดภาษาเนปาลี ทางตะวันออกพูดภาษาชาชฮอป ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้ทั่วไป
    * เครื่องแต่งกายประจำชาติ ผู้ชายเรียกว่า โฆ (Kho) ส่วนของผู้หญิงเรียกว่า ฆีระ (Khira)
    * วันหยุดและเทศกาล
          o วันหยุดที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ได้แก่วันเฉลิมพระชนมพรรษา และวันฉัตรมงคล
          o วันชาติ ตรงกับวันที่ 17 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่กษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์วังชุกขึ้นครองราชย์
          o วันขึ้นปีใหม่ ขึ้นกับปฏิทินทางจันทรคติและแตกต่างไปในแต่ละท้องถิ่นโดยทั่วไปในงานจะมีการ แข่งขันยิงธนู ไหว้พระ บูชาเทพเจ้า และรับประทานอาหารร่วมกันภายในครอบครัว

[แก้] ศาสนา

ประชาชนชาวภูฏานนับถือ ศาสนาพุทธนิกายมหายาน (ตันตรยาน หรือบ้างก็เรียกว่า วัชรยาน) 75% ศาสนาฮินดู 24% ศาสนาอิสลาม 0.7% และ ศาสนาคริสต์ 0.3%

    ดูเพิ่มเติมได้ที่ พุทธศาสนาในประเทศภูฏาน

[แก้] อ้างอิง

   1. ^ Gross domestic product 2007, PPP. World Development Indicators database, World Bank (2008-10-17).
   2. ^ การเขียนและอ่านชื่อ ประเทศภูฏาน - ราชบัณฑิตยสถาน
   3. ^ ชื่อประเทศ มาจากคำสมาสในภาษาสันสกฤต ภู-อุตฺตาน อันมีความหมายว่า "แผ่นดินบนที่สูง"
   4. ^ 4.0 4.1 Bhutan:Economy. CIA The World Factbook.
   5. ^ Rank Order - GDP - real growth rate. CIA The World Factbook.
   6. ^ Power sales to India to fuel Bhutan's growth. The Hindu Business Line (2007-01-27). สืบค้นวันที่ 2008-11-29
   7. ^ Tala Hydroelectric Project, Bhutan. power-technology.com. สืบค้นวันที่ 2008-11-29

    * เมธา บรรณทัศน์. เปิดปูม คลายปม ภูฏาน. กทม. ชมรมเด็ก. 2550

[แก้] ดูเพิ่ม

    * ธงชาติภูฏาน
    * ฟุตบอลทีมชาติภูฏาน

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
Commons
คอมมอนส์ มีภาพและสื่ออื่นๆ เกี่ยวกับ:
ประเทศภูฏาน

    * ประเทศภูฏาน ข้อมูลการท่องเที่ยวจากวิกิ ท่องเที่ยว

    * เว็บไซต์ท่ารัฐบาลภูฏาน
    * ภูฏาน: อารยธรรมแห่งสุดท้าย? บทความแนะนำภูฏานโดยคนชายขอบ
    * ข้อมูลราชอาณาจักรภูฏานจากเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น: