วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ภูฎาน อาณาจักรแห่งหมู่เมฆา [ilastdeal]

ภูฎาน อาณาจักรแห่งหมู่เมฆา [ilastdeal]


อากาศใต้ร่มเงาของโจโมลารี ซึ่งเป็นเทือกเขาสูงที่สุดลูกหนึ่งของภูฏาน นั้นหนาวจนร้าวไปถึงกระดูก แต่ กอมเชน หรือนักพรตของหมู่บ้าน ผู้สวมเสื้อคลุมยาวที่โบกไสวกลางสายลม กลับภาวนาให้หิมะตก
     "ผมขอพรเทพเจ้าของเราอยู่เสมอให้หิมะตกเวลาที่มีคนนอกอย่างคุณเข้ามาในหุบ เขาของเรา พวกคุณจะได้ไปไกลๆ" เขาพูดพลางจ้องตาผมและยืนพิงราวบันได "คุณใช้ฟืนของเราจนหมดและไม่เคารพประเพณีของเรา"


     ในฐานะที่เป็นนักสิ่งแวดล้อมซึ่งปรารถนาให้แดนสวรรค์ของนักธรรมชาตินิยมคง อยู่อย่างที่เป็น ในฐานะดินแดนแห่งอากาศบริสุทธิ์ ป่าสนกลิ่นหอม และสัตว์ป่าหลากหลาย ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่นักพรตผู้นี้คิด
     ผมนึกสงสัยว่า อาณาจักรแห่งเทือกเขาหิมาลัยอย่างภูฏานจะก้าวพ้นอดีตอันโบราณเข้าสู่โลกสมัย ใหม่ โดยไม่ต้องสละทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่าหรือขนบธรรมเนียมประเพณีเก่าแก่ที่ สืบทอดกันมาได้อย่างไร
     แต่ก็ไม่ทันมีเวลาคิดหาคำตอบ เพราะไม่ทันไร คำภาวนาของกอมเชนก็เป็นจริง เมฆรวมตัวบนท้องฟ้าและหิมะก็โปรยปรายลงมา ทีมงานของเราหาทางออกจากช่องเขาได้อย่างเฉียดฉิวในวันรุ่งขึ้น จากนั้นสภาพอากาศก็ทำให้หุบเขาพาโรตัดขาดจากภายนอกอีกครั้ง
     หิมะปกคลุมหุบเขาพาโรฉันใด ภูฏานก็มีเทือกเขาหิมาลัยช่วยปกป้องจากโลกภายนอกมาเนิ่นนานฉันนั้น ดินแดนที่ตั้งอยู่ระหว่างจีนและอินเดียแห่งนี้มีพื้นที่ไม่ถึง 47,000 ตารางกิโลเมตร หรือพอๆกับสวิตเซอร์แลนด์ และภูฏานก็มีส่วนคล้ายสวิตเซอร์แลนด์ตรงที่พื้นที่ส่วนใหญ่โอบรอบด้วยภูเขา แต่ประเทศที่มีประชากรกระจัดกระจายอยู่ราว 700,000 คนนี้ กลับไม่ได้รับอิทธิพลจากโลกสมัยใหม่นัก แกะบูลชีพ ดอกป็อปปี้ป่า และเสือดาวหิมะเติบโตหรืองอกงามในหุบเขาอันโดดเดี่ยวเช่นเดียวกับเยติหรือ มนุษย์หิมะในตำนานต่างๆของชาวภูฏาน ที่นี่ยังเป็นดินแดนแห่งกล้วยไม้และเสืออีกด้วย ไม่นานก่อนหน้านี้ ผมเดินท่องป่าที่ระดับสูงกว่า 3,048 เมตร เสือตัวใหญ่ทิ้งรอยเท้าใหม่ๆไว้ให้เห็นเป็นทาง อันที่จริง เสือในแถบเอเชียใต้มักจะอาศัยอยู่ในป่าที่มีระดับความสูงต่ำกว่านี้ แต่ในภูฏาน มีผู้ยืนยันว่า เคยเห็นเสืออยู่ที่ระดับความสูงถึง 3,658 เมตร
     แม้กระทั่งในทิมพู เมืองหลวงของภูฏาน เราอาจเห็นหมีควายหรือหมูป่าในสวนหลังบ้าน เพื่อนคนหนึ่งเล่าว่า "เมื่อปีกลาย เมียผมออกไปดูว่าหมาเห่าอะไรและตกใจแทบแย่ที่ออกไปเจอเสือดำเข้า" บนถนนอันเงียบเหงาของทิมพูมีสุนัขมากกว่ารถยนต์ และมีสถานีบริการน้ำมันแค่สองแห่ง แม้ว่าพ่อค้าวาณิชจะเดินเท้าหรือขี่จามรีท่องดินแดนแถบนี้จนปรุมาหลายพันปี แล้ว แต่ภูฏานก็ใช้น้ำมันน้อยมาก จนกระทั่งปี 1962 เมื่อมีการสร้างทางหลวงสายแรกเพื่อเชื่อมทิมพูกับพุนโชลิงของอินเดีย
     ภายหลังการเปิดประเทศ แผ่นดินซึ่งชาวภูฏานเรียกว่า "ดรุกยูล" (ดินแดนแห่งมังกรอัสนี) ก็ก้าวเข้าสู่ความทันสมัย ขณะรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมตามวิถีพุทธศาสนานิกายมหายาน ที่ภูฏานและประเทศอื่นๆในแถบหิมาลัยเลื่อมใสศรัทธา

อ่านบทความ ภูฏาน ที่สนุกโดย sirwilliams ที่ sirwilliams blog

ภูฏานหวั่นเผชิญสึนามิภูเขาใน 5 ปี



หุบเขาภูนาคาของประเทศภูฎานอาจเผชิญกับ สึนามิภูเขา ซึ่งเกิดจากน้ำแข็งบนยอดเขาหิมาลัยละลาย ทำให้ปริมาณน้ำหลายล้านลูกบาศก์เมตรล้นตลิ่งของทะเลสาปต้นน้ำ ไหลบ่าลงมาท่วมหุบเขาเบื้องล่างได้
ทางการภูฎาน กังวลว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า ปริมาณน้ำอย่างน้อย 53 ล้านลูกบาศก์เมตรซึ่งเกิดจากน้ำแข็งบนยอดเขาหิมาลัยละลายอาจจะล้นตลิ่งของ ทะเลสาปต้นน้ำซึ่งอยู่ที่ยอดเขาหิมาลัย ทำให้น้ำไหลบ่าลงมาด้วยความเร็วสูงมากกว่าความเร็วปกติร่วมร้อยเท่า ไหลเข้าท่วมหุบเขาภูนาคาซึ่งอยู่เบื้องล่าง หรือที่เรียกว่า สึนามิภูเขา ซึ่งจะสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนของประชากรภูฎาน 1 ใน 10 ของประเทศ หรือประมาณ 70,000 คน และจะทำให้วัดอายุเก่าแก่หลายศตวรรษและเป็นที่เก็บโบราณวัตถุต่างๆมากมายได้ รับความเสียหาย

ทางการภูฎานจึงกดดันให้กลุ่มพระลามะเคลื่อนย้ายโบราณ วัตถุออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะกลุ่มพระลามะเชื่อว่าเทพจะช่วยคุ้มครองไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ระบุว่านี่เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดจากอุณหภูมิ ในโลกสูงขึ้น โดยในปี 2537 เคยเกิดขึ้นแล้วและทำให้มีผู้เสียชีวิต 20 คน แต่ภัยพิบัติที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายใน 5 ปี กระแสน้ำจะรุนแรงกว่าเดิม 3 เท่า

 เมือง ภูฏาน 
ข้อมูลประเทศ ภูฏาน
บทความคุณภาพ sirwilliams blog

princess of bhutan



อยากเที่ยว ภูฎาน เข้าไปที่ http://www.ilastdeal.com
เชิญเข้ามาที่เว็บแนะนำ A4-Inside

ความงามของเมืองภูฎาน

ความงามของเมืองภูฎาน
ความงาม แห่ง ภูฏาน เข้ามาสัมผัสได้ที่นี่เลยครับ
ภูฏาน เป็นสถานที่ ที่น่าไปเที่ยวมากๆ ถ่ายรูปสวย ไม่แย่ครับ ประทับใจ ในราคาถูก หากท่าน สนใจท่องเที่ยวในราคาประหยัด แนะนำ ทัวร์ต่างประเทศราคาถูก

ภูฏาน เมืองสวรรค์ เมืองปาโร








 เมือง ภูฏาน 
ข้อมูลประเทศ ภูฏาน
บทความคุณภาพ sirwilliams blog

ภูฎาน

การ ท่องเที่ยว ภูฏาน ทัวร์ ภูฏาน ประเทศ ภูฏาน
โปรดระวัง โดนหลอก บริษัททัวร์ต้มตุ๋น อ่านก่อนตัดสินใจท่องเที่ยวภูฏาน


ประเทศภูฏาน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
ราชอาณาจักรภูฏาน
Kingdom of Bhutan (อังกฤษ)
འབྲུག་ཡུལ་ (ซองคา)
   
ธงชาติ    
คำขวัญ: หนึ่งชาติ,หนึ่งประชาชน
เพลงชาติ: ดรุก เซนเดน
เมืองหลวง
(และเมืองใหญ่สุด)     ทิมพู
27°28′N 89°38′E / 27.467°N 89.633°E / 27.467; 89.633
ภาษาทางการ     ภาษาซองคาและภาษาอังกฤษ
การปกครอง     ประชาธิปไตย ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
 -      พระมหากษัตริย์     สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก
 -      นายกรัฐมนตรี     จิกมี ทินเลย์
การสร้างชาติ
 -      ราชวงศ์วังชุก     17 ธันวาคม พ.ศ. 2450
พื้นที่
 -      รวม     47,500 ตร.กม. (132)
18,340 ตร.ไมล์
 -      แหล่งน้ำ (%)     น้อยมาก
ประชากร
 -      2552 (ประมาณ)     672,425 (117)
 -      2550 (สำรวจ)     4,598,556
 -      ความหนาแน่น     45 คน/ตร.กม. (149)
117 คน/ตร.ไมล์
จีดีพี (อำนาจซื้อ)     2550 (ประมาณ)
 -      รวม     3.181 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐ[1] (152)
 -      ต่อหัว     3,330 ดอลลาร์สหรัฐ (124)
เอชดีไอ (2546)     0.536 (กลาง) (134)
สกุลเงิน     งุลตรัม (BTN)
เขตเวลา     BTT (UTC+6:00)
 -      (DST)     not observed (UTC+6:00)
โดเมนบนสุด     .bt
รหัสโทรศัพท์     975

ภูฏาน (Bhutan) (อ่านว่า พู-ตาน Loudspeaker.svg /buː'tɑːn/ (ข้อมูล)) [2] หรือชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรภูฏาน (Kingdom of Bhutan) [3] เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ที่มีขนาดเล็ก และมีภูเขาเป็นจำนวนมาก ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยระหว่างประเทศอินเดียกับจีน

ชื่อในภาษาท้องถิ่นของประเทศคือ Druk Yul (อ่านว่า ดรุก ยุล) แปลว่า "ดินแดนของมังกรสายฟ้า (Land of the Thunder Dragon) " นอกจากนี้ยังเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Druk Tsendhen เนื่องจากที่ภูฏาน เสียงสายฟ้าฟาดถือเป็นเสียงของมังกร ส่วนชื่อ ภูฏาน (Bhutan) มาจากคำสมาสในภาษาสันสกฤต ภู-อุฏฺฏาน อันมีความหมายว่า "แผ่นดินบนที่สูง" (ในภาษาฮินดี สะกด भूटान ถอดเป็นตัวอักษรคือ ภูฏาน)

ประเทศภูฏาน เป็นประเทศที่ประกาศว่า จะไม่สนใจ GDP (GDP - Gross Domestic Product หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) แต่จะสนใจ GDH แทน (GDH - Gross Domestic Happiness หรือ ความสุขรวมภายในประเทศ) [ต้องการอ้างอิง]
เนื้อหา
[ซ่อน]

    * 1 ประวัติศาสตร์
    * 2 การเมือง
    * 3 การแบ่งเขตการปกครอง
    * 4 สัญลักษณ์ประจำชาติ
    * 5 ภูมิศาสตร์
          o 5.1 ภูมิประเทศ
          o 5.2 ภูมิอากาศ
    * 6 เศรษฐกิจ
    * 7 ทรัพยากรธรรมชาติ
    * 8 ประชากร
    * 9 วัฒนธรรม
    * 10 ศาสนา
    * 11 อ้างอิง
    * 12 ดูเพิ่ม
    * 13 แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้] ประวัติศาสตร์

ในปี พ.ศ. 2173 ดรุกปา ลามะ ลี้ภัยจากทิเบตสู่ภูฏาน ต่อมาได้ตั้งตัวขึ้นเป็น ธรรมราชา ปกครองครองดินแดนด้วยระบบศาสนเทวราช มีคณะรัฐมนตรีช่วย 4 ตำแหน่ง แม้ภูฏานจะพยายามแยกตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ต่อมาก็ถูกรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะทิเบตอยู่หลายครั้งในช่วง พุทธศตวรรษที่ 22 ถึง 23 ในระยะต่อมาก็ยังถูกรุกรานโดยอังกฤษซึ่งมีอำนาจอยู่ในอินเดียก่อนที่จะได้ เจรจาสงบศึกกัน ในปี พ.ศ. 2453
[แก้] การเมือง

มีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุข ภายใต้การปกครองโดย สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 5 ของราชวงศ์วังชุก ทรงปกครองประเทศโดยมีคณะองคมนตรีเป็นที่ปรึกษา และสภาแห่งชาติที่เรียกว่า ซงดู (Tsongdu) ทำหน้าที่ในการออกกฎหมาย ประกอบด้วยสมาชิก 161 คน

    * สมาชิก 106 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน
    * สมาชิก 55 คน มาจากการแต่งตั้งของพระมหากษัตริย์

ในสมัยศตวรรษที่ 17 นักบวช ซับดุง นาวัง นำเยล (Zhabdrung Ngawang Namgyal) ได้รวบรวมภูฏานให้เป็นปึกแผ่นและก่อตั้งเป็นประเทศขึ้น และในปี 2194 นักบวชซับดุงได้ริเริ่มการบริหารประเทศแบบสองระบบ คือ แยกเป็นฝ่ายฆราวาสและฝ่ายสงฆ์ ภูฏานใช้ระบบการปกครองดังกล่าวมาเป็นเวลากว่าสองศตวรรษ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2450 พระคณะที่ปรึกษาแห่งรัฐ ผู้ปกครองจากมณฑลต่าง ๆ ตลอดจนตัวแทนประชาชนได้มารวมตัวกันที่เมืองพูนาคา และทำการเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ อูเก็น วังชุก (Ugyen Wangchuck) ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ปกครองเมืองตองซา (Trongsa) ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์แรกของภูฏาน โดยดำรงตำแหน่งเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีองค์แรกแห่งราชวงศ์วังชุก (Wangchuck) เนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่นของพระองค์ตั้งแต่ครั้งยังทรงดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ปกครองเมืองตองซา ทรงมีลักษณะความเป็นผู้นำและเป็นผู้นำที่เคร่งศาสนาและมีความตั้งพระทัยแน่ว แน่ที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ราชวงศ์วังชุกปกครองประเทศภูฏานมาจนถึงปัจจุบันสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ ปัจจุบันคือ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก (Jigme Khesar Namgyal Wangchuck) ขึ้นครองราชสมบัติเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2549 เป็นสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก

ภูฏานจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นครั้งแรกในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2551 มีพรรคการเมืองสองพรรค
[แก้] การแบ่งเขตการปกครอง

ประเทศภูฏานแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 เขตบริหาร (administrative zones - dzongdey) แต่ละเขตบริหารแบ่งย่อยลงไปอีกเป็น มณฑล (districts - dzongkhag) รวมทั้งหมด 20 มณฑล ได้แก่
แผนที่แสดงมณฑลของประเทศภูฏาน

   1. มณฑลบุมทัง (བུམ་ཐང་རྫོང་ཁག་ )
   2. มณฑลชูคา (ཆུ་ཁ་རྫོང་ཁག་ )
   3. มณฑลดากานา (དར་དཀར་ན་རྫོང་ཁག་)
   4. มณฑลกาซา (མགར་ས་རྫོང་ཁག་)
   5. มณฑลฮา ( ཧཱ་རྫོང་ཁག་)
   6. มณฑลลฮุนต์ชิ (ལྷུན་རྩེ་རྫོང་ཁག་)
   7. มณฑลมองการ์ (མོང་སྒར་རྫོང་ཁག་)
   8. มณฑลพาโร (སྤ་རོ་རྫོང་ཁག་)
   9. มณฑลเปมากัตเซล (པདྨ་དགའ་ཚལ་རྫོང་ཁག་ )
  10. มณฑลพูนาคา (སྤུ་ན་ཁ་རྫོང་ཁག་)

   

  11. มณฑลซัมดรุปจงคาร์ (བསམ་གྲུབ་ལྗོངས་མཁར་རྫོང་ཁག་ )
  12. มณฑลซัมชิ (བསམ་རྩེ་རྫོང་ཁག་)
  13. มณฑลซาร์ปัง (གསར་སྤང་རྫོང་ཁག་)
  14. มณฑลทิมพู (ཐིམ་ཕུ་རྫོང་ཁག་ )
  15. มณฑลตาชิกัง (བཀྲིས་སྒང་རྫོང་ཁག་)
  16. เขตตาชิยังต์ซี (གཡང་རྩེ་རྫོང་ཁག་)
  17. มณฑลตงซา (ཀྲོང་གསར་རྫོང་ཁག་ )
  18. มณฑลชิรัง (རྩི་རང་རྫོང་ཁག་ )
  19. มณฑลวังดีโพดรัง (པདྨ་དགའ་ཚལ་རྫོང་ཁག་ )
  20. มณฑลเชมกัง (གཞལམ་སྒང་རྫོང་ཁག་)

[แก้] สัญลักษณ์ประจำชาติ
วัดป่าทักชัง - Taktshang Goemba หรือ "รังเสือ - Tiger Nest" อันเป็นที่เคารพสักการะยิ่งของชาวพุทธในภูฏาน ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 900 เมตรชายเขตเมืองปาโร

    * สัตว์ประจำชาติ : ทาคิน เป็นสัตว์ที่หายาก เพราะมีอยู่ในดินแดนภูฏานเพียงแห่งเดียว และอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ มีลักษณะคล้ายวัวผสมแพะตัวใหญ่ มีเขา ขนตามตัวมีสีดำ มักจะอาศัยอยู่กันเป็นฝูงในป่าโปร่ง บนความสูงกว่า 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไป ชอบกินไม้ไผ่เป็นอาหาร
    * ต้นไม้ : ต้นสนไซปรัสนิยมปลูกตามวัด
    * ดอกไม้ประจำชาติ : ดอกป๊อปปี้สีฟ้า เป็นดอกไม้ป่าที่พบตามเขตภูเขาในภูฏาน
    * อาหารประจำชาติ : อาหารพื้นบ้านเป็นอาหารเรียบง่าย อาหารหลักเป็นทั้งข้าว บะหมี่ ข้าวโพด ยังนิยมเคี้ยวหมากอยู่ อาหารส่วนใหญ่ประกอบด้วยพริก ผักและมันหมู อาหารประจำชาติคือ emadate ซึ่งประกอบด้วยพริกสดกับซอสเนยต้มกับหัวไชเท้า มันหมูและหนังหมู ชาวภูฏานนิยมอาหารรสจัด เครื่องดื่มมักเป็นชาใส่นมหรือน้ำตาล ในฤดูหนาวนิยมดื่มเหล้าหมักที่ผสมข้าวและไข่ ไม่นิยมสูบบุหรี่ นอกจากนั้นมีอาหารจากทิเบต เข่นซาลาเปาไส้เนื้อ ชาใส่เนยและเกลือ และอาหารแบบเนปาลในภาคใต้ที่กินข้าวเป็นหลัก
    * ธงชาติภูฏาน
          o สีเหลือง ครึ่งบนของธงชาติ หมายถึง อำนาจของพระมหากษัตริย์ เป็นสีที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม
          o สีส้ม ครึ่งล่างของธงชาติ หมายถึง การปฏิบัติธรรมและความเลื่อมใสและศรัทธาของชาวภูฏานที่มีต่อศาสนาพุทธ
          o มังกรที่อยู่ตรงกลางของธงชาติ หมายถึง ประเทศดรุกยุล มีความหมายว่าดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า ตัวมังกรมีสีขาวบริสุทธิ์ อันเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีของคนทุกเชื้อชาติ ทุกภาษาที่อยู่ในประเทศ ท่าทีที่มังกรกำลังอ้าปากคำรามนั้น แสดงออกถึงความมีอำนาจน่าเกรงขามของเหล่าพระผู้เป็นเจ้าทั้งชายและหญิงที่ปก ป้องภูฏาน

[แก้] ภูมิศาสตร์
[แก้] ภูมิประเทศ
สภาพภูมิประเทศมีลักษณะเป็นเทือกเขา

ประเทศภูฏานเป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก มีพื้นที่ประมาณ 38,394 ตารางกิโลเมตร (ขนาดใกล้เคียงกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์) ตั้งอยู่เหนือรัฐอัสสัมของประเทศอินเดีย ภูฏานเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ปรากฏภูมิประเทศ 3 ลักษณะ

   1. เทือกเขาสูงตอนเหนือ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย
   2. ที่ลาดเชิงเขา พบตอนกลางของประเทศ
   3. ที่ราบ พบตอนใต้ของประเทศ มีแม่น้ำพรหมบุตรพาดผ่าน

[แก้] ภูมิอากาศ

เนื่องจากภูฏานเป็นประเทศขนาดเล็ก ลักษณะภูมิอากาศจึงไม่แตกต่างกันมากนัก โดยมากเป็นภูมิอากาศแบบกึ่งร้อนมีฝนชุก ยกเว้นตอนเหนือซึ่งเป็นภูเขาสูง ทำให้มีอากาศแบบหนาวเทือกเขา

อากาศ กลางวัน 25 - 15 องศาเซลเซียส กลางคืน 10 - 5 องศาเซลเซียส มี 4 ฤดู คือ

    * ฤดูใบไม้ผลิ จะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม ช่วงนี้อากาศจะอบอุ่นและอาจมีฝนประปราย
    * ฤดูร้อน จะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคม ช่วงนี้จะมีพายุฝน ตามเทือกเขาจะเขียวชอุ่ม
    * ฤดูใบไม้ร่วง จะอยู่ในช่วงเดือนกันยายน - พฤศจิกายน ช่วงนี้อากาศจะเย็น ท้องฟ้าแจ่มใส เหมาะแก่การเดินเขา
    * ฤดูหนาว จะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ อากาศจัดเย็นจัดตอนกลางคืนและรุ่งเช้า และจะมีหมอกหนา บางครั้งโดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคม อาจมีหิมะตกบ้าง

[แก้] เศรษฐกิจ

สกุลเงินของภูฏานคืองุลตรัมซึ่งผูกค่าเงินเป็นอัตราคงที่กับรูปีอินเดีย และเงินรูปียังสามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายอีกด้วย[4]

แม้ว่าภูฏานจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กที่สุดในโลก[4] แต่ก็มีอัตราการเติบโตที่สูงมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา (ร้อยละ 8 ในปี 2005 และร้อยละ 14 ในปี 2006) ในปี 2007 ภูฏานเป็นประเทศที่มีอัตราเติบโตสูงเป็นอันดับสองของโลกโดยมีอัตราการเติบโต ทางเศรษฐกิจสูงถึงร้อยละ 22.4[5] ซึ่งเป็นผลจากการเริ่มใช้เขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าทาลา[6][7]

รายได้หลักของประเทศ มากกว่าร้อยละ 33 ของจีดีพี มาจากการเกษตร และประชากรกว่าร้อยละ 70 มีวิถีชีวิตขึ้นอยู่กับผลิตผลทางการเกษตรด้วย สินค้าส่งออกสำคัญคือไฟฟ้าจากพลังงานน้ำ ซึ่งส่งออกไปยังอินเดีย
[แก้] ทรัพยากรธรรมชาติ

ในภูฏานมีพื้นที่ป่าถึง 60% มีอุทยานแห่งชาติ 4 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 4 แห่ง และเขตสงวนธรรมชาติ 1 แห่ง คิดเป็น 35% ของพื้นที่ประเทศ ในพื้นที่ดังกล่าวมีสัตว์และพืชหายากมากกว่า 7,000 ชนิด มีกล้วยไม้เฉพาะถิ่น 300 เขต และพันธุ์ไม้หายากอีกราว 500 ชนิด และมีสมุนไพรหายากราว 150 ชนิด
[แก้] ประชากร

    * จำนวนประชากร 752,700 คน (เมื่อปี พ.ศ. 2547) เป็นชาย 380,090 คน และหญิง 372,610 คน
    * อัตราการเพิ่มของประชากรร้อยละ 2.14 (เมื่อปี พ.ศ. 2546)
    * เชื้อชาติ ประกอบด้วย 3 เชื้อชาติ ได้แก่
          o ชาร์คอป (Sharchops) ชนพื้นเมืองดั้งเดิม ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคตะวันออก
          o งาลอบ (Ngalops) ชนเชื้อสายธิเบต ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคตะวันตก
          o โลซาม (Lhotshams) ชนเชื้อสายเนปาล ส่วนใหญ่อยู่ทางใต้

    * กลุ่มประชากรของภูฏาน แบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ คือ
          o กลุ่มดรุกปา ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
                + กลุ่มเชื้อสายธิเบต
                + กลุ่มซังลา ที่ถือว่ามีจำนวนมากที่สุด เนื่องจากจะแยกออกตามภาษาท้องถิ่นที่ใช้ที่มีประมาณ 11 ภาษา กลุ่มนี้จะอาศัยทางทิศตะวันออกของประเทศ
          o กลุ่ม เนปาล คือส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ แต่ปัจจุบันนี้ทางรัฐบาลของประเทศภูฏาน ได้พยายามผลักดันให้ประชากรเหล่านี้กลับไปยังถิ่นฐานเดิมคือประเทศเนปาล
          o กลุ่มชนอื่น ๆ อีก 13% คือชาวธิเบต ชาวสิกขิม และชาวอินเดีย

[แก้] วัฒนธรรม
การแข่งขันธนู เป็นการแข่งขันกีฬาที่สำคัญของชาวภูฏาน

    * ภาษาประจำชาติ คือภาษาซองคา ซึ่งแต่เดิมเป็นภาษาท้องถิ่นแถบตะวันตกของภูฏาน ต่อมาได้กลายเป็นภาษาประจำชาติ เขียนด้วยอักษรทิเบต นอกจากนั้นมีการใช้ภาษาถิ่นที่ต่างไปในแต่ละพื้นที่ ภาษาของชาวภูฏานคล้ายภาษาทิเบตชาวเนปาลทางภาคใต้พูดภาษาเนปาลี ทางตะวันออกพูดภาษาชาชฮอป ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้ทั่วไป
    * เครื่องแต่งกายประจำชาติ ผู้ชายเรียกว่า โฆ (Kho) ส่วนของผู้หญิงเรียกว่า ฆีระ (Khira)
    * วันหยุดและเทศกาล
          o วันหยุดที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ได้แก่วันเฉลิมพระชนมพรรษา และวันฉัตรมงคล
          o วันชาติ ตรงกับวันที่ 17 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่กษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์วังชุกขึ้นครองราชย์
          o วันขึ้นปีใหม่ ขึ้นกับปฏิทินทางจันทรคติและแตกต่างไปในแต่ละท้องถิ่นโดยทั่วไปในงานจะมีการ แข่งขันยิงธนู ไหว้พระ บูชาเทพเจ้า และรับประทานอาหารร่วมกันภายในครอบครัว

[แก้] ศาสนา

ประชาชนชาวภูฏานนับถือ ศาสนาพุทธนิกายมหายาน (ตันตรยาน หรือบ้างก็เรียกว่า วัชรยาน) 75% ศาสนาฮินดู 24% ศาสนาอิสลาม 0.7% และ ศาสนาคริสต์ 0.3%

    ดูเพิ่มเติมได้ที่ พุทธศาสนาในประเทศภูฏาน

[แก้] อ้างอิง

   1. ^ Gross domestic product 2007, PPP. World Development Indicators database, World Bank (2008-10-17).
   2. ^ การเขียนและอ่านชื่อ ประเทศภูฏาน - ราชบัณฑิตยสถาน
   3. ^ ชื่อประเทศ มาจากคำสมาสในภาษาสันสกฤต ภู-อุตฺตาน อันมีความหมายว่า "แผ่นดินบนที่สูง"
   4. ^ 4.0 4.1 Bhutan:Economy. CIA The World Factbook.
   5. ^ Rank Order - GDP - real growth rate. CIA The World Factbook.
   6. ^ Power sales to India to fuel Bhutan's growth. The Hindu Business Line (2007-01-27). สืบค้นวันที่ 2008-11-29
   7. ^ Tala Hydroelectric Project, Bhutan. power-technology.com. สืบค้นวันที่ 2008-11-29

    * เมธา บรรณทัศน์. เปิดปูม คลายปม ภูฏาน. กทม. ชมรมเด็ก. 2550

[แก้] ดูเพิ่ม

    * ธงชาติภูฏาน
    * ฟุตบอลทีมชาติภูฏาน

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
Commons
คอมมอนส์ มีภาพและสื่ออื่นๆ เกี่ยวกับ:
ประเทศภูฏาน

    * ประเทศภูฏาน ข้อมูลการท่องเที่ยวจากวิกิ ท่องเที่ยว

    * เว็บไซต์ท่ารัฐบาลภูฏาน
    * ภูฏาน: อารยธรรมแห่งสุดท้าย? บทความแนะนำภูฏานโดยคนชายขอบ
    * ข้อมูลราชอาณาจักรภูฏานจากเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศ